วัณโรค Tuberculosis (TB)
วัณโรค (อังกฤษ: Tuberculosis) หรือ MTB หรือ TB (ย่อจาก tubercle bacillus) เป็นโรคติดเชื้อที่พบบ่อย และถึงแก่ชีวิตของผู้ป่วยในหลายกรณี ที่เกิดจากไมโคแบคทีเรียหลายสายพันธุ์ ตามปกติคือ Mycobacterium tuberculosis[1] วัณโรคโดยปกติก่อให้เกิดอาการป่วยที่ปอด แต่ยังสามารถส่งผลกระทบต่อส่วนอื่นของร่างกายได้ วัณโรคแพร่ผ่านอากาศเมื่อผู้ที่มีการติดเชื้อ MTB มีฤทธิ์ไอ จาม หรือส่งผ่านน้ำลายผ่านอากาศ[2] การติดเชื้อในมนุษย์ส่วนมากส่งผลให้เกิดไร้อาการโรค การติดเชื้อแฝง และราวหนึ่งในสิบของการติดเชื้อแฝงท้ายที่สุดพัฒนาไปเป็นโรคมีฤทธิ์ ซึ่ง หากไม่ได้รับการรักษา ทำให้ผู้ติดเชื้อเสียชีวิตมากกว่า 50%
อาการตรงต้นแบบมีไอเรื้อรังร่วมกับเสมหะมีเลือดปน ไข้ เหงื่อออกกลางคืน และน้ำหนักลด การติดเชื้อในอวัยวะอื่นก่อให้เกิดอาการอีกมากมาย การวินิจฉัยต้องอาศัยรังสีวิทยา (โดยมากคือ การเอ็กซ์เรย์อก) การทดสอบโรคบนผิวหนัง การตรวจเลือด เช่นเดียวกับการตรวจโดยทางกล้องจุลทรรศน์และการเพาะเชื้อจุลชีววิทยาต่อของเหลวในร่างกาย การรักษานั้นยากและต้องอาศัยการปฏิชีวนะยาวหลายคอร์ส
คาดกันว่าหนึ่งในสามของประชากรโลกติดเชื้อ M. tuberculosis[3][4] และมีการติดเชื้อใหม่เกิดขึ้นในอัตราหนึ่งคนต่อวินาที ใน พ.ศ. 2550 มีการประเมินว่ามีกรณีมีฤทธิ์เรื้อรัง 13.7 ล้านคน[5] และใน พ.ศ. 2553 มีกรณีใหม่ 8.8 ล้านกรณี และผู้เสียชีวิต 1.45 ล้านคน ส่วนมากในประเทศกำลังพัฒนา[6] จำนวนสัมบูรณ์ผู้ป่วยวัณโรคลดลงตั้งแต่ พ.ศ. 2549 และกรณีใหม่ตั้งแต่ พ.ศ. 2545[6] นอกเหนือจากนี้ คนในประเทศกำลังพัฒนาติดต่อวัณโรคมากกว่า เพราะระบบภูมิคุ้มกันมีแนวโน้มเป็นอันตรายมากกว่าเนื่องจากอัตราโรคเอดส์ที่สูงกว่า[7] การกระจายของวัณโรคไม่ได้เป็นแบบแผนทั่วโลก ราว 80% ของประชากรในประเทศเอเชียและแอฟริกาหลายประเทศให้ผลบวกเมื่อทดสอบผิวหนัง ขณะที่ประชากรสหรัฐอเมริกาเพียง 5-10% เท่านั้นที่ให้ผลบวก[1]
อาการ (Symptoms)
สำหรับคนที่เกิดการอักเสบติดเชื้อวัณโรค โดยเชื้อวัณโรคไม่มีฤทธิ์ในการทำลาย(inactive) ซึ่งจะไม่สามารถทำให้เกิดอาการแต่อย่างใดในคนพวกนี้ หากมีการตรวจผิวหนังเรียก PPD test (protein purifiedDerivative) จะได้ผลเป็นบวกหากการอักเสบนั้นเป็นนานสามเดือนและจะเป็นเช่นนั้น (positive test) ไปตลอดชั่วชีวิต
สำหรับคนเกิดการอักเสบติดเชื้อ โดยที่เชื้อวัณโรคมีฤทธิ์ในการทำลาย(active) อาการต่าง ที่เกิดขึ้นจะมีได้แตกต่างกันไปตามชนิดของการอักเสบจากเชื้อวัณโรค ซึ่งมีลักษณะดังต่อไปนี้:
Primary pulmonary tuberculosis. ในคนไข้บางคน โดยเฉพาะคนไข้ที่มีอายุน้อย อาการของวัณโรคจะไม่มีอาการอื่นใดมากกว่า มีอาการ“ไข้”และเกิดอาการ “อ่อนเพลีย” นอกจากนั้น คนไขอาจมีอาการอย่าอื่นอีกได้ เช่น
- ไอ(cough)
- เจ็บหน้าอก(chest pain)
- มีเหงื่อตอนกลางคืน(night sweats)
- กินอาหารไร้รสชาติ(poor appetite)
- ไม่สามารถเพิ่มน้ำหนักตัว(problems gaining weight)
Post-primary (reactivation) tuberculosis. คนไข้ในกลุ่มนี้ จะมีอาการดังต่อไปนี้:
- มีไข้(fever)
- น้ำหนักตัวลด(weight loss)
- กินข้าวไร้รสชาด(loss of appetite)
- อ่อนแรง(weakness)
- เจ็บหน้าอก(chest pain)
- รู้สึกไม่สบายทั่วทั้งร่างกาย(general sick feeling)
นอกจากนั้น คนไข้อาจมีอาการไอ และมีเสมหะเป็นสีเมื่ออาการของคนไข้เลวลง คนไข้มักจะมีอาการไอมีเลือดออกมา และบางครั้งจะไอเป็นเลือดในปริมาณมากๆ ได้ คนไข้อาจมีอาการหายใจหอบ และมีปัญหาเรื่อการหายใจ
Extra-pulmonary tuberculosis. อาการที่เกิด จะขึ้นกับการอักเสบติดเชื้อวัณโรคยกตัวอย่าง ถ้าหากเกิดขึ้นกับต่อมน้ำเหลือง (lymph nodes) ทำให้ต่อมโตขึ้นซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ประมาณ 25 % โดยส่วนมากจะเกิดขึ้นที่บริเวณคอส่วนล่างในรายที่เป็นวัณโรคของกระดูก หรือของข้อ ซึ่งสามารถเกิดได้ประมาณ 8% และตำแหน่งที่เกิดบ่อยได้แก่ กระดูกสันหลัง, ข้อสะโพก และข้อเข่า โดยจะทำให้ข้อบวม และมีอาการเจ็บปวดได้
วัณโรคของระบบทางเดินปัสสาวะ ซึ่งพบได้ประมาณ 15 % สามารถทำให้เกิดอาการปวดที่บริเวณบั้นเอว ระหว่างชายโครง และสะโพกปัญหาที่เกิดขึ้น คือปัสสาวะบ่อย, ปัสสาวะเจ็บแสบ และบางทีมีเลือดในปัสสาวะ
Disseminated or miliary tuberculosis. คนที่เป็นวัณโรคชนิดนี้จะมีอาการดังต่อไปนี้:
- เป็นไข้ (Fever)
- มีเหงื่อตอนกลางคืน (Night sweats)
- น้ำหนักลด(weight loss)
- อ่อนแรง (weakness)
- มีปัญหาทางปอด เช่นไอ, หายใจหอบ และเจ็บหน้าอก
แม้ว่าเชื้อวัณโรคจะกระจายไปทั่วร่างกาย แต่อาจไม่แสดงอาการใดๆแต่หากมันมีอาการ อาการที่พบอาจเป็น
ปวดศีรษะ (headache), มีปัญหาด้านสายตา (visual difficulties), ต่อมน้ำเหลืองโต (swollen lymph nodes)
ปวดข้อ (painful joints), ลูกอัณฑะโตขึ้น (Scrotal masses), มีผื่นบนผิวหนัง (skin rashes), ปวดท้อง (abdominal pain)
คำแนะนำ: รับประทานFOS 2+ FOS10 ยีสต์แดง+วิตามินบีรวม ชนิดมี Lypotropics
- FOS 2 = จัดการเรื่องของภูมิคุ้มกันของร่างกาย การติดเชื้อของทางเดินหายใจและปอด
- วิตามินบีรวม ชนิดมี Lypotropics= ซ่อมสร้างเนื้อเยื่อปอด
- FOS10 ยีสต์แดง = เสริมความแข็งแกร่งให้โปร 2 โดยเฉพาะกรณีที่ผู้ป่วยอาจมีเชื้อราที่ปอดร่วมด้วย
** สำหรับเชื้อ TB ที่ไปเกิดในจุดอื่นๆเช่นต่อมน้ำเหลือง (TB Lymph node) ก็ใช้คำแนะนำเดียวกัน
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
https://www.facebook.com/ProbioticByProLife/
หรือสั่งซื้อสินค้าโดยตรงได้ที่
https://www.facebook.com/ProbioticByProLife/
หรือสั่งซื้อสินค้าโดยตรงได้ที่
Line ID; @ovp0980m