เรื่องจริงของเบาหวานที่หมอไม่ได้บอก

        ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขร่วมกับสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยฯ และศูนย์เบาหวานศิริราช ในปี 2556 พบว่าประเทศไทยมีผู้ผู้ป่วยเบาหวานถึง 3.5 ล้านคน มูลค่าการรักษาถึง 47,000 ล้านบาท และเป็นที่ทราบกันดีว่าในผู้ป่วยเบาหวานนั้นมีโอกาสที่จะพัฒนาต่อไปเป็นโรคไตเนื่องจากการรับประทานยาต่อเนื่องนั่นเอง วันนี้เรามาทำความเข้าใจถึงกลไกของการเกิดโรคเบาหวานกันเถอะ เมื่อท่านเข้าใจก็สามารถป้องกันได้ง่ายขึ้น


         เมื่อพูดถึงโรค “เบาหวาน” เรากำลังหมายถึงการที่ร่างกายในส่วนของตับอ่อนนั้นทำงานไม่สมดุล ในแง่ของฮอร์โมน 2 ตัวด้วยกัน ส่วนปลายของตับอ่อนตอนบนนั้นเป็นที่ผลิตฮอร์โมน “อินซูลิน” ส่วนตอนล่างของตับอ่อนนั้นจะทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมน “กลูคากอน” ซึ่งฮอร์โมนทั้ง 2 ชนิดนี้ต้องทำงานสมดุลเสมอ
            
           โดยที่ฮอร์โมน กลูคากอน จะเป็นตัวสั่งให้ “ตับใหญ่” ทำการแปลงสารอาหารที่สะสมไว้ในรูปของ “ไกลโคเจน” ให้เปลี่ยนเป็น น้ำตาล “กลูโคส” เพื่อเข้าสู่กระแสเลือด การที่ตับอ่อนจะมีคำสั่งผลิต กลูคากอน มากน้อยเท่าไรในแต่ละวันนั้นร่างกายจะมีข้อมูลอยู่ เช่น ผู้ที่ทำงานในห้องแอร์ มีความต้องการใช้กลูโคสน้อย ก็ผลิตน้อย ผู้ที่ทำงานกลางแจ้งหรือนักกีฬามีความต้องการใช้กลูโคสมาก ก็จะผลิตมากนั่นเอง การผลิตจะเป็นไปตามกระบวนการของร่างกายที่ใช้งาน เมื่อผลิตมาเท่าไรข้อมูลจะถูกส่งไปยังตับอ่อนตอนบนที่ทำหน้าที่ผลิต อินซูลิน  ให้พอเหมาะกับกลูโคสที่ผลิตได้เช่น ถ้าผลิตกลูโคส 200 หน่วย ก็จะผลิตอินซูลิน 200 หน่วย เพื่อให้สมดุลกัน โดยที่ อินซูลิน นั้นมีหน้าที่เป็นตัวพาน้ำตาลกลูโคสไปให้ร่างกายใช้ และเป็นตัวพาน้ำตาลที่เหลือใช้ไปส่งให้กับ “ไต” เพื่อกรองน้ำตาลไปทิ้ง ขณะเดียวกันไตก็จะส่งน้ำตาลส่วนหนึ่งกลับไปสะสมไว้ที่ตับตามเดิม  ร่างกายจะมีกระบวนการเช่นนี้ เพื่อไม่ให้มีน้ำตาลคงเหลือในกระแสเลือดมากเกินไป เพราะน้ำตาลที่เหลือในกระแสเลือดนั้นจะทำให้เลือดมีความหนืด ทำให้เป็นโรคหัวใจ เบาหวาน ไต ในที่สุด

            ด้วยเหตุนี้เมื่อไรก็ตามที่สมดุลของ ฮอร์โมนทั้ง 2 ตัวนี้ไม่สมดุลกันในกรณีของการเกิดโรคเบาหวานนั้นเนื่องมาจากการที่ ตับอ่อนผลิต อินซูลิน น้อยกว่า กลูคากอน จะส่งผลให้น้ำตาลกลูโคสที่ผลิตได้นั้นเหลือในกระเลือดจนเป็นเหตุแห่งโรคนั่นเอง

เรามักได้ยินว่าโรคเบาหวานนั้นมีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด คือ
ชนิดที่ 1 หรือ Type A นั้นเกิดจากการที่ร่างกายมีอินซูลินไม่เพียงพอจึงทำให้มีน้ำตาลในกระแสเลือดสูง ซึ่งได้กล่าวไปแล้วก่อนหน้านี้
ชนิดที่ 2 หรือ Type B นั้นทางการแพทย์เรียกเบาหวานชนิดนี้ว่าเป็นภาวะที่ร่างกาย “ดื้ออินซูลิน” หมายถึงอินซูลินที่ผลิตได้นั้นไม่สามารถทำหน้าที่เป็นตัวพาน้ำตาลกลูโคสได้นั่นเอง เนื่องจากโครงสร้างทางโมเลกุลของอินซูลินนั้นไม่สมบูรณ์ จึงไม่สามารถที่จะนำพาน้ำตาลกลูโคสได้ ส่งผลให้น้ำตาลในกระแสเลือดสูงด้วยเช่นกัน


     อย่างไรก็ตามจะเห็นได้ว่าโรคเบาหวานทั้งสองชนิดนั้นมีสาเหตุมาจากการทำงานที่ผิดปกติของตับอ่อนทั้งสิ้น ดังนั้นแนวทางในการฟื้นฟูโรคนั้นจึงมุงเน้นไปที่ตับอ่อนเป็นเป็นหลัก การใช้จุลชีพโดยเฉพาะใน ยีสต์ บางกลุ่มร่วมด้วยแร่ธาตุ “โครเมียม” ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ตับอ่อนใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตฮอร์โมนทั้ง 2 ชนิด นั้นจะไปช่วยให้ภาวะสมดุลของตับอ่อนค่อยๆคืนมา ส่วนในรายที่เป็นมานาน หรือมีภาวะดื้ออินซูลินนั้น การใช้จุลชีพร่วมกับ “สมุนไพร”บางชนิดกับโครเมียม ก็ให้ผลได้อย่างน่าเป็นที่พอใจ

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
https://www.facebook.com/ProbioticByProLife/
หรือสั่งซื้อสินค้าโดยตรงได้ที่
Line ID; @ovp0980m